วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นหนึ่งในวิตามินที่คนรู้จักและนิยมรับประทานเพิ่มจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยส่วนใหญ่หวังเรื่องความสวยงาม เพราะวิตามินซีตามธรรมชาติมีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินให้ช้าลง อีกทั้งช่วยเสริมภูมิต้านทานธรรมชาติและต้านอนุมูลอิสระ ที่เราได้รับจากมลพิษในสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน
เรารู้ดีว่า แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินซี มักอยู่ในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม ฝรั่ง มะขาม ดังนั้นหากเรารับประทานผลไม้เหล่านี้ได้ครบและหลากหลายเพียงพอในแต่ละวัน การเสริมวิตามินซีก็อาจไม่จำเป็น แต่สำหรับคนที่รับประทานผลไม้รสเปรี้ยวไม่ได้ (ไม่สะดวกซื้อ หรือติดเรื่องรสชาติ) ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาจพิจารณาการได้รับเพิ่มจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ในทางตรงกันข้าม การรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมภายในครั้งเดียว ร่างกายจะถูกดูดซึมประมาณ 43.5% และถูกขับออกทางปัสสาวะอีก 25% เนื่องจากปริมาณที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเลือด นั่นคือ ร่างกายจะนำไปใช้ได้เพียงประมาณ 25% เท่านั้น และไม่ควรรับประทานมากกว่า 3,000 มิลลิกรัม เพราะจะทำให้ปวดท้อง มวนท้อง และท้องเสียได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินซีถือว่าปลอดภัยพอควร เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินซีที่สามารถละลายในน้ำได้ ร่างกายจะขับปัสสาวะออกตามปกติ
คุณอาจเคยได้ยิน หรือเคยเห็นฉลากหรือเอกสารกำกับยาที่ระบุว่า “Extended Release, Controlled Release, Sustained Release, Modified Release, Slow Release Technology” ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อประสิทธิภาพ “การออกฤทธิ์” ของยาด้วยการควบคุมให้แตกตัวและดูดซึมในอวัยวะเป้าหมาย หรือค่อยๆ “ปลดปล่อย” ตัวยาออกมาในปริมาณที่สม่ำเสมอเป็นเวลานาน 4 หรือ 8 ชั่วโมง โดยประโยชน์เด่นๆ คือร่างกายดูดซึมยาได้ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาการระคายเคืองกระเพาะอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร และลดความถี่ในการรับประทานลง ทำให้สะดวกมากขึ้น เช่น รับประทานเพียงวันละ 1-2 ครั้งโดยในปัจจุบันยาที่ผสมผสานนวัตกรรมนี้ ได้แก่ ยาระงับปวดชนิด Tramadol ยากันชัก และวิตามินซีชนิดออกฤทธิ์นาน ที่ตอบโจทย์ผู้ที่ขาดวิตามินซี
อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินซีในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็ต้องควบคู่กับการรับประทานผักผลไม้ปกติ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ร่างกายต้องการเพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดี
ติดตามความรู้ดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ http://www.nutrilite.co.th/
อ้างอิง